.....' s ...... หรือ ......s' ......
Sudjai's shop หรือ Sudjais' shop
Smith's shop หรือ Smiths' shop
เรารู้กันอยู่ว่า การใช้ Apostrophe แบบนี้คือการแสดงความเป็นเจ้าของ,
แต่เราอาจจะไปเจอการใช้ s' กับ 's แล้วไม่แน่ใจว่า ใช้แบบไหนผิดใช้แบบไหนถูก, มันเหมือนหรือต่างกันอย่างไร
คนไทยเรา คงจะชินกับการใช้ 's (Apostrophe s ) กันอยู่แล้ว
บางคนเมื่อเห็น s' (s Apostrophe) ก็อาจจะคิดว่านี่เป็นการใช้งานที่ผิด
จริงๆแล้วทั้งสองแบบคือการใช้งานที่ถูกต้อง เพียงแต่ทั้งสองแบบนี้มีความหมายแตกต่างกัน
ถ้าเราใช้ 's (Apostrophe s ) เช่น Sudjai's shop หรือ Smith's shop
ร้านนั้นจะเป็นของคุณสุดใจ และคุณสมิทธิ์ ตามลำดับ
ถ้าเราใช้ s' (s Apostrophe) เช่น Sudjais' shop หรือ Smiths' shop
ร้านนั้นจะเป็นของครอบครัวสุดใจ และครอบครัวสมิทธิ์ ตามลำดับ
s' (s Apostrophe s) ที่เราไม่คุ้นเคยนั้น ใช้กับเจ้าของที่มากกว่า 1 คน
PEM(PhysicsEngMaths) summary forTest
If clause type I สมมติกันแบบซิมเปิ้ล..ซิมเปิ้ล..
ในที่สุด เราก็เดินทางมาถึงการใช้ If clause แบบสุดท้ายแล้วค่ะ,
กรณีสุดท้ายนี้คือกรณีที่ง่ายที่สุด เป็นการกล่าวถึงในอนาคตที่อาจจะเกิดขึ้น ถ้าประธานทำอะไรบางอย่าง
ประโยคที่ใช้จึงเป็นประโยคง่ายๆที่แสนจะไม่ซับซ้อน คือ
If + Simple Present , Simple future.
เรียกได้ว่าใช้ประโยค ซิมเปิ้ล(Present), ซิมเปิ้ล(Future). ง่ายๆกันเลยทีเดียว
If I study hard, i will pass the exam.
เพื่อความมั่นใจในการใช้ If clause ทุกๆกาล(ทั้งอดีต,ปัจจุบันและอนาคต)
แวะอ่าน 2 บล๊อกก่อนหน้านี้ได้เลยค่ะ Click >>
IF clause type III : http://pemsummary.blogspot.com/2014/01/if-clause-typeiii.html
IF clause type II : http://pemsummary.blogspot.com/2014/01/if-clause-typeii.html
กรณีสุดท้ายนี้คือกรณีที่ง่ายที่สุด เป็นการกล่าวถึงในอนาคตที่อาจจะเกิดขึ้น ถ้าประธานทำอะไรบางอย่าง
ประโยคที่ใช้จึงเป็นประโยคง่ายๆที่แสนจะไม่ซับซ้อน คือ
If + Simple Present , Simple future.
เรียกได้ว่าใช้ประโยค ซิมเปิ้ล(Present), ซิมเปิ้ล(Future). ง่ายๆกันเลยทีเดียว
If I study hard, i will pass the exam.
เพื่อความมั่นใจในการใช้ If clause ทุกๆกาล(ทั้งอดีต,ปัจจุบันและอนาคต)
แวะอ่าน 2 บล๊อกก่อนหน้านี้ได้เลยค่ะ Click >>
IF clause type III : http://pemsummary.blogspot.com/2014/01/if-clause-typeiii.html
IF clause type II : http://pemsummary.blogspot.com/2014/01/if-clause-typeii.html
If clause typeII มาดูให้ชัด ลัด เคลียร์
การใช้ If-clause ใช้ได้ทั้ง If 3.ในอดีต, 2.ปัจจุบันและ1.อนาคต
บล๊อกที่แล้ว. . เรานำพาทุกท่านสู่ไทม์แมชชีนย้อนกลับไป"แก้ไข"สิ่งที่ผ่านพ้นไปแล้ว
หรือกลับไปภูมิใจที่ได้ตัดสินใจทำไปปหรือเป็นไปแบบนั้น
บล ีอกที่แล้ว เราต้องใข้ไทม์แมชชีนเพราะสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนั้นจบไปบริบูรณ์แล้ว
"ทั้งหมดจบบริบูรณ์์ไปแล้ว" จึงใช้แต่กาล Perfect
If + Past perfect, would/could/... + present perfect.
บล๊อกนี้.. เราจะนำพาทุกท่าน 2. จินตนาการปัจจุบันกันค่ะ
ประโยคในบล๊อกนี้ คือประโยคที่เราคุ้นหูว่า If I were you, ...
เป็นการใช้คำช่วยมาใช้กับประโยคแบบนำเดี่ยว คือ If + Simple past, S + would/could/... + V
เป็นการสมมติโดยใช้กริยาช่องที่2 หรือ นำตัวช่วยในอดีต (would, had,...) มานำกริยาช่องที่1
ส่วนประโยคที่เป็นผลจากการสมมตินั้น นำ would,could,... ไปลากกริยามาได้เลย
โดยที่ข้อควรระวังของการใช้ If + Simple past มีประเด็นเดียว
คือจะไม่มีการใช้ was ในประโยค If clause อย่างเด็ดขาด จะต้องใช้ were กับทุกประธาน
ทำให้เราได้ยินกันเสมอว่า... When I was just a little girl, ..
แต่ If I were you, ... มันดูขัดแย้ง/เป็นไปไม่ได้ใช่ไหมคะ กับการใช้ were กับทุกประธาน
ใช่ค่ะมันเป็นไปไม่ได้ แต่ประโยคนี้เราพูดอะไรที่เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว
อย่าง If I were you,... เนี่ย เป็นไปไม่ได้หรอกที่ฉันจะเป้นเธอ
แต่ฉันจะสมมตินิ If I were you, ... If she were nurse,...
เห็นไหมคะว่า การใช้ If clause นั้นง่ายมั่กๆ
สองประโยคที่มี if เชื่อมกันจะต้องขึ้นตาชั่งแล้วเท่าเทียม
If I were you, I would not do this. (If clause type II)
If I found her address, I would send her an invitation. (If clause type II)
If I hadn’t studied, I wouldn’t have passed my exams. (If clause type III)
If I had found her address, I would have sent her an invitation. (If clause type III)
ทั้ง4 ประโยคคงช่วยให้เราเข้าใจIf clause type 2&3 แจ่มแจ้งมากขึ้น
ทั้งโครงสร้างประโยค และความหมาย(โฟกัสที่ตัวอย่างที่. 2 และ. 4 นะคะ
สองประโยคนี้สมมติให้ฉันเจอที่อยู่เธอเหมือนกัน แต่มีความหมายซ่อนเร้นที่แตกต่างกัน
บล๊อกที่แล้ว. . เรานำพาทุกท่านสู่ไทม์แมชชีนย้อนกลับไป"แก้ไข"สิ่งที่ผ่านพ้นไปแล้ว
หรือกลับไปภูมิใจที่ได้ตัดสินใจทำไปปหรือเป็นไปแบบนั้น
บล ีอกที่แล้ว เราต้องใข้ไทม์แมชชีนเพราะสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนั้นจบไปบริบูรณ์แล้ว
"ทั้งหมดจบบริบูรณ์์ไปแล้ว" จึงใช้แต่กาล Perfect
If + Past perfect, would/could/... + present perfect.
บล๊อกนี้.. เราจะนำพาทุกท่าน 2. จินตนาการปัจจุบันกันค่ะ
ประโยคในบล๊อกนี้ คือประโยคที่เราคุ้นหูว่า If I were you, ...
เป็นการใช้คำช่วยมาใช้กับประโยคแบบนำเดี่ยว คือ If + Simple past, S + would/could/... + V
เป็นการสมมติโดยใช้กริยาช่องที่2 หรือ นำตัวช่วยในอดีต (would, had,...) มานำกริยาช่องที่1
ส่วนประโยคที่เป็นผลจากการสมมตินั้น นำ would,could,... ไปลากกริยามาได้เลย
โดยที่ข้อควรระวังของการใช้ If + Simple past มีประเด็นเดียว
คือจะไม่มีการใช้ was ในประโยค If clause อย่างเด็ดขาด จะต้องใช้ were กับทุกประธาน
ทำให้เราได้ยินกันเสมอว่า... When I was just a little girl, ..
แต่ If I were you, ... มันดูขัดแย้ง/เป็นไปไม่ได้ใช่ไหมคะ กับการใช้ were กับทุกประธาน
ใช่ค่ะมันเป็นไปไม่ได้ แต่ประโยคนี้เราพูดอะไรที่เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว
อย่าง If I were you,... เนี่ย เป็นไปไม่ได้หรอกที่ฉันจะเป้นเธอ
แต่ฉันจะสมมตินิ If I were you, ... If she were nurse,...
เห็นไหมคะว่า การใช้ If clause นั้นง่ายมั่กๆ
สองประโยคที่มี if เชื่อมกันจะต้องขึ้นตาชั่งแล้วเท่าเทียม
If I were you, I would not do this. (If clause type II)
If I found her address, I would send her an invitation. (If clause type II)
If I hadn’t studied, I wouldn’t have passed my exams. (If clause type III)
If I had found her address, I would have sent her an invitation. (If clause type III)
ทั้ง4 ประโยคคงช่วยให้เราเข้าใจIf clause type 2&3 แจ่มแจ้งมากขึ้น
ทั้งโครงสร้างประโยค และความหมาย(โฟกัสที่ตัวอย่างที่. 2 และ. 4 นะคะ
สองประโยคนี้สมมติให้ฉันเจอที่อยู่เธอเหมือนกัน แต่มีความหมายซ่อนเร้นที่แตกต่างกัน
ประโยคที่. 4 ที่ใช้ Perfect tense คือทุกอย่างจบไปบริบูรณ์แล้ว
ไม่มีโอกาสกลับไปแก้ไขอย่างสิ้นเชิง
แต่ประโยคที่. 2 นี้ยังพอมีโอกาสอยู่บ้าง(แม้จะริบหรี่เต็มทีแต่ก้ยังมีโอกาสอยู่จางๆ))
ไม่มีโอกาสกลับไปแก้ไขอย่างสิ้นเชิง
แต่ประโยคที่. 2 นี้ยังพอมีโอกาสอยู่บ้าง(แม้จะริบหรี่เต็มทีแต่ก้ยังมีโอกาสอยู่จางๆ))
If-clause typeIII อยากแก้ไขการกระทำที่ไม่ได้ดั่งใจในอดีต
เรื่อง If-clause
ถ้าจะพูดตามหลักวิชาการ ก็จะเป็นดังตารางสรุป
( เอิ่ม คนไม่เก่งอังกฤษอย่างเรา เห็นแล้วรู้สึกเข้าใจยากและลืมง่ายดีแท้)
Condition | if clause | main clause |
---|---|---|
I : condition possible to fulfill | Simple Present | will-future (or Modal + infinitive) |
II : condition in theory possible to fulfill | Simple Past | would + infinitive * |
III : condition not possible to fulfill (too late) | Past Perfect | would + (have + past participle) * *have + v3 <-- Present perfect |
เรามาสรุปแบบง่ายๆกันดีกว่าค่ะ,
การใช้ If-clause ใช้ได้ทั้ง If 3.ในอดีต, 2.ปัจจุบันและ1.อนาคต
3. ถ้าเราสมมติ Past perfect แสดงว่าสิ่งนั้นตรงข้ามกับความจริงที่เกิดขึ้นแล้ว
(เพราะกาล Perfect จบลงโดยบริบูรณ์ไปแล้ว กลับไปแก้ไขไม่ได้)
เป็นการสมมติอดีตที่จบไปก่อน(If + Past perfect) กับสิ่งที่ตรงข้ามกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริง(would + Pesent perfect)
Would have + V3 เป็นโครงสร้างโดยตรงของประโยคที่ Action that could have taken place in the past
การใช้ would ไปนำ present perfect (have + v3) คือการบอกอย่างโจ่งแจ้งว่า
"นี่คือการมโน"สิ่งที่ตรงข้ามกับความจริงที่เกิดขึ้นแล้ว
และแน่นอนใช่ไหมคะว่า.. เวลาคนเรามโนเพ้อฝัน มันสวยสดงดงามกว่าความจริงเสมอ
การใช้ประโยคนี้ คือการเพ้อสิ่งที่ผิดพลาดไปแล้วนั่นเอง
(หรือจะใช้ If clause แบบนี้มโนเพื่อเสริมสร้างความภาคภูมิใจในตัวเองก็ได้เช่นกัน
ตัวอย่างเช่น ถ้าฉันไม่สวยรวยความสามารถ, ฉันก็ไม่ได้เป็นนางสาวไทยหรอกน่า เป ้นต้น)
*มโนกลบข้อผิดพลาด If Past perfect, would. + present perfect.
If Clause แบบนี้มีแต่ Perfect
พูดถึงสิ่งที่ตรงข้ามกับปัจจุบัน เอา would,could,...ไปนำ Present perfect
แล้วมโนไปให้สมเหตุผลว่า ในอดีตควรทำอย่างไร If Past perfect
2 ประโยคนี้พูดถึงอะไรก่อนก็ได้นะคะ แค่อย่าใช้ If กับ would,could,... ผิดกาล Perfect ก็พอ
(ซึ่งก็รู้กันอยู่แล้วเนอะว่าอดีตคือเหตุแห่งปัจจุบัน,
ฉะนั้นเราต้องใช้ If กับกาล Past perfect)
การใช้ would ไปนำ present perfect (have + v3) คือการบอกอย่างโจ่งแจ้งว่า
"นี่คือการมโน"สิ่งที่ตรงข้ามกับความจริงที่เกิดขึ้นแล้ว
และแน่นอนใช่ไหมคะว่า.. เวลาคนเรามโนเพ้อฝัน มันสวยสดงดงามกว่าความจริงเสมอ
การใช้ประโยคนี้ คือการเพ้อสิ่งที่ผิดพลาดไปแล้วนั่นเอง
(หรือจะใช้ If clause แบบนี้มโนเพื่อเสริมสร้างความภาคภูมิใจในตัวเองก็ได้เช่นกัน
ตัวอย่างเช่น ถ้าฉันไม่สวยรวยความสามารถ, ฉันก็ไม่ได้เป็นนางสาวไทยหรอกน่า เป ้นต้น)
*มโนกลบข้อผิดพลาด If Past perfect, would. + present perfect.
If Clause แบบนี้มีแต่ Perfect
พูดถึงสิ่งที่ตรงข้ามกับปัจจุบัน เอา would,could,...ไปนำ Present perfect
แล้วมโนไปให้สมเหตุผลว่า ในอดีตควรทำอย่างไร If Past perfect
2 ประโยคนี้พูดถึงอะไรก่อนก็ได้นะคะ แค่อย่าใช้ If กับ would,could,... ผิดกาล Perfect ก็พอ
(ซึ่งก็รู้กันอยู่แล้วเนอะว่าอดีตคือเหตุแห่งปัจจุบัน,
ฉะนั้นเราต้องใช้ If กับกาล Past perfect)
Perfect จบบริบูรณ์ไปแล้ว แก้ไขไม่ได้ | ปัจจุบันคงเป็นอีกอย่าง (would + Pre perfect ), ถ้าอดีตทำอีกอย่างไป (If + Past perfect), | ถ้าอดีตทำอีกอย่างไป (If + Past perfect ). ปัจจุบันคงเป็นอีกอย่าง (would + Pre perfect ). |
2. ถ้าเราสมมติ Simple past (ไปต่อกันบล๊อกหน้าค่ะ ) Click >>
http://pemsummary.blogspot.com/2014/01/if-clause-typeii.html
1. ถ้าเราสมมติ Simple present Click>>>
http://pemsummary.blogspot.com/2014/01/if-clause-type-i.html
http://pemsummary.blogspot.com/2014/01/if-clause-typeii.html
1. ถ้าเราสมมติ Simple present Click>>>
http://pemsummary.blogspot.com/2014/01/if-clause-type-i.html
Basic ปูพื้นฐานสู่การเข้าใจ If-clause ในเวลาอันรวดเร็วแต่ยาวนาน
จากบล๊อกก่อนหน้าที่กล่าวถึง Though/Although/Even though
( http://pemsummary.blogspot.com/2014/01/thoughalthougheven-thoughdespitein.html )
เราได้เชื่อมโยงไปถึงความแตกต่างระหว่าง Even though กับ Even if
ใจความโดยสรุปจากลิ้งค์ข้างต้นคือ Even though เป็น Sub - ordinating conjugation
ส่วน Even if เป็น If-clause
จึงสมควรแก่เวลาที่เราจะมากล่าวถึง If-clause
เรามาสรุปให้เข้าใจจำได้แน่นปึ้ก โดยที่ไม่ต้องงุนงงสับสนกับ If-clause กันเลย
แต่เดี๋ยวก่อน,
ก่อนที่เราจะพาคุณสู่จินตนาการการใช้ If-clause ที่โลดแล่นโบยบินในความคิด
คุณเข้าใจพื้นฐานเหล่านี้รึยังคะ
1- Perfect tense
.Past perfect : S + had + V3
.Present perfect : S + have + V3
.Future perfect : S + will have + V3
*สังเกตนะคะว่า Perfect tense นั้นใช้ง่าย
ไม่ว่าประธานจะเป็นอย่างไรก็ใช้ had, have, will have บอกกาลทั้งหมด
ถ้าเราเจอสามคำนี้ลาก V3 มาอยู่ใกล้ๆ, เอนเอียงใจได้เลยว่าเขากำลังบอกเราว่า..
เจ้าข้าเอ๊ย "Perferct tense มาแล้วว"
เพื่อความมั่นใจว่าจะไม่ลืม ..
แวะไปทบทวนการใช้ Have, Has, Had จากบล๊อกก่อนหน้าสักครู่แล้วกลับมาดูกันใหม่ค่ะ
ไปเลย. --> http://pemsummary.blogspot.com/2014/01/havehashad.html
สังเกตนะคะว่า การใช้ Have,has,hadที่กล่าวถึงไปแล้ว เป็นกริยาแท้ที่มี Object ตามมา
หรือมี V.to do (don't, doesn't,didn't) เข้ามาช่วยบอกกาลของการปฏิเสธ และบอกประเภทประธาน(don't, doesn't)
สำหรับ Have, had ที่เป็นตัวนำขบวน Perfect tense จะตามมาด้วยกริยา(ในช่องที่สามเสมอ)
2- Could/should,... + have + V3 = เหตุการณ์ที่ไม่เป็นจริงในปัจจุบัน
have + V3 คือ Present perfect ใช้บอกสิ่งที่ดำเนินมาตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน
เมื่อเราใช้ตัวช่วย Could, Should, ... เข้าไป ความหมายจะเปลี่ยนไปทันที
Could, should, would, ... ใช้กับอะไรที่มีความมั่นใจน้อยลงจาก Can, Shall, will,...
หรืออีกนัยหนึ่งคือ Could, should, would, ... เผื่อใจว่าสิ่งที่พูดจะเกิดขึ้นหรือไม่มากกว่านั่นเอง
เช่น Could I borrow your smartphone?
เป ้นการขอแบบสุภาพ ไม่เป ้นการบังคับ มากกว่า Can I borrow your smartphone?
การใช้ Could/should,... + have + V3 จึง = เหตุการณ์ที่ไม่เป็นจริงในปัจจุบันนั่นเอง
( http://pemsummary.blogspot.com/2014/01/thoughalthougheven-thoughdespitein.html )
เราได้เชื่อมโยงไปถึงความแตกต่างระหว่าง Even though กับ Even if
ใจความโดยสรุปจากลิ้งค์ข้างต้นคือ Even though เป็น Sub - ordinating conjugation
ส่วน Even if เป็น If-clause
จึงสมควรแก่เวลาที่เราจะมากล่าวถึง If-clause
เรามาสรุปให้เข้าใจจำได้แน่นปึ้ก โดยที่ไม่ต้องงุนงงสับสนกับ If-clause กันเลย
แต่เดี๋ยวก่อน,
ก่อนที่เราจะพาคุณสู่จินตนาการการใช้ If-clause ที่โลดแล่นโบยบินในความคิด
คุณเข้าใจพื้นฐานเหล่านี้รึยังคะ
1- Perfect tense
.Past perfect : S + had + V3
.Present perfect : S + have + V3
.Future perfect : S + will have + V3
*สังเกตนะคะว่า Perfect tense นั้นใช้ง่าย
ไม่ว่าประธานจะเป็นอย่างไรก็ใช้ had, have, will have บอกกาลทั้งหมด
ถ้าเราเจอสามคำนี้ลาก V3 มาอยู่ใกล้ๆ, เอนเอียงใจได้เลยว่าเขากำลังบอกเราว่า..
เจ้าข้าเอ๊ย "Perferct tense มาแล้วว"
เพื่อความมั่นใจว่าจะไม่ลืม ..
แวะไปทบทวนการใช้ Have, Has, Had จากบล๊อกก่อนหน้าสักครู่แล้วกลับมาดูกันใหม่ค่ะ
ไปเลย. --> http://pemsummary.blogspot.com/2014/01/havehashad.html
สังเกตนะคะว่า การใช้ Have,has,hadที่กล่าวถึงไปแล้ว เป็นกริยาแท้ที่มี Object ตามมา
หรือมี V.to do (don't, doesn't,didn't) เข้ามาช่วยบอกกาลของการปฏิเสธ และบอกประเภทประธาน(don't, doesn't)
สำหรับ Have, had ที่เป็นตัวนำขบวน Perfect tense จะตามมาด้วยกริยา(ในช่องที่สามเสมอ)
2- Could/should,... + have + V3 = เหตุการณ์ที่ไม่เป็นจริงในปัจจุบัน
have + V3 คือ Present perfect ใช้บอกสิ่งที่ดำเนินมาตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน
เมื่อเราใช้ตัวช่วย Could, Should, ... เข้าไป ความหมายจะเปลี่ยนไปทันที
Could, should, would, ... ใช้กับอะไรที่มีความมั่นใจน้อยลงจาก Can, Shall, will,...
หรืออีกนัยหนึ่งคือ Could, should, would, ... เผื่อใจว่าสิ่งที่พูดจะเกิดขึ้นหรือไม่มากกว่านั่นเอง
เช่น Could I borrow your smartphone?
เป ้นการขอแบบสุภาพ ไม่เป ้นการบังคับ มากกว่า Can I borrow your smartphone?
การใช้ Could/should,... + have + V3 จึง = เหตุการณ์ที่ไม่เป็นจริงในปัจจุบันนั่นเอง
"คำเชื่อม"จะไม่ใช่"คำช้ำ" เพ็มซั่มมีบทสรุป 'Though/Although/Even though/Despite/In spite of'
Though กับ Although ; พูดง่ายๆก็แค่ไม่เป็นทางการกับเป็นทางการ
ความต่างทางด้านการใช้ก็มีนิดเดียว.. คือ though วางได้ทั้ง ต้น,กลาง,ท้าย ประโยค
แต่ although จะวางตรงต้นและกลางประโยคเท่านั้น
Even though คำนี้ก็แปลว่า "ถึงแม้ว่า" เหมือน Although
แต่ในความหมายที่เหมือนกันนั้น Even though ให้ความหนักแน่นมากกว่า
ถ้าจะให้จำง่ายๆก็ให้นึกถึงภาษาใต้คำว่า "อย่างแรงส์"
......
บางคนสงสัยว่า.. จะใช้ Though/Although/Even though ให้ยุ่งยากทำไม
ต้องมาดูจุด full stop, ดูจุดลูกน้ำ comma ให้สองประโยคอยู่รวมด้วยกันโดยมีคำสามคำนี้เชื่อม
จะใช้คำง่ายๆอย่าง But ไปเลยไม่ได้เหรอ?????
คำตอบ.."ไม่ได้" แน่แท้และแน่นอนค่ะ
เพราะคำเหล่านี้เป็น Sut-coordinate conjugation เชื่อมประโยครองเข้ากับประโยคหลัก
แต่ but เป็น Co-ordinating conjugation เชื่อมประโยคที่เท่าเทียมกันเข้าด้วยกัน
ความต่างทางด้านการใช้ก็มีนิดเดียว.. คือ though วางได้ทั้ง ต้น,กลาง,ท้าย ประโยค
แต่ although จะวางตรงต้นและกลางประโยคเท่านั้น
Even though คำนี้ก็แปลว่า "ถึงแม้ว่า" เหมือน Although
แต่ในความหมายที่เหมือนกันนั้น Even though ให้ความหนักแน่นมากกว่า
ถ้าจะให้จำง่ายๆก็ให้นึกถึงภาษาใต้คำว่า "อย่างแรงส์"
......
บางคนสงสัยว่า.. จะใช้ Though/Although/Even though ให้ยุ่งยากทำไม
ต้องมาดูจุด full stop, ดูจุดลูกน้ำ comma ให้สองประโยคอยู่รวมด้วยกันโดยมีคำสามคำนี้เชื่อม
จะใช้คำง่ายๆอย่าง But ไปเลยไม่ได้เหรอ?????
คำตอบ.."ไม่ได้" แน่แท้และแน่นอนค่ะ
เพราะคำเหล่านี้เป็น Sut-coordinate conjugation เชื่อมประโยครองเข้ากับประโยคหลัก
แต่ but เป็น Co-ordinating conjugation เชื่อมประโยคที่เท่าเทียมกันเข้าด้วยกัน
จากภภาพ คคงช่วยอธิิบายได้ชัดดขึ้นนะคะว่า
But ผู้ซซึ่งเป็นหนึ่งใน FANBOYs (FFor, and, nor, but, or, yet, so)
เชืื่อมประโยคที่เท่าเทียมกัน
แต่ Though/Although/Even though
เชื่อมประโยครองเข้ากับประโยคหลัก((สองประโยคมีน้ำหนักต่างกัน)
โดยที่คำ Even though ที่มีความหนักแน่นที่สุด และคล้ายกับ Even if นั้น
Even though ต่างจาก Even if ตรงที่ Eveen if ใช้กับประโยคสมมติ(unreal)
Even if อยู่ในกลุ่ม If-clause ไม่ใช่ Sub-ordinate conjugation
แล้ว Despite กับ In spite of ล่ะ?
สองคำนี้มีความหมาย"เหมือน"กันค่ะ
และใช้นำหน้า "นาม" เหมือนกันด้วย
แค่ระวังอย่าเขียนผิดเพราะความสับสนเป็น In despite of หหรือ Inspite ก็พอ
โดยที่ Despite / In spite of ต่างจาก Though/Although/Even though ที่..
Despite / In spite of เป็น Preposition ใช้"นำหน้านาม"ไม่ใชช่เชื่อมประโยค
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)